ถ้าคุณเคยรดน้ำต้นไม้ด้วยสัญชาตญาณ—เดี๋ยวแฉะ เดี๋ยวแห้ง—แล้วเบื่อจะเดาเองทุกวัน บทความนี้คือคู่มือกึ่งตำรา กึ่งเล่าให้ฟังสบาย ๆ ว่าการเอา NodeMCU (ESP8266) ไปจับคู่กับเซ็นเซอร์ความชื้นดินมันง่ายกว่าหั่นชะอมใส่หม้อแกงเยอะ! เราจะคุยตั้งแต่เลือกฮาร์ดแวร์ การต่อสาย การแฟลชโค้ด ไปจนถึงดึงข้อมูลขึ้นมือถือ และปิดท้ายด้วยไอเดียต่อยอดเป็น “ปั๊มน้ำอัตโนมัติรู้ใจต้นไม้” แบบมือโปร แต่ใช้ภาษาชาวบ้านให้อ่านเพลิน ๆ
1. ทำไมต้องวัดความชื้นดิน?
-
น้ำเกิน รากเน่า—น้ำขาด ต้นเฉา สรุปคือเสียเวลาเสียเงิน
-
ข้อมูลจริง (Real-time) ช่วยตัดสินใจเปิด-ปิดน้ำแม่นกว่าดูสภาพใบ
-
เชื่อม IoT ทีเดียว เก็บค่าประวัติ เอาไปวิเคราะห์แพตเทิร์นฝนหรือคุณภาพดินได้
2. ชุดอุปกรณ์ที่ต้องมี
อุปกรณ์ | ราคาประมาณ | หมายเหตุ |
---|---|---|
NodeMCU v3 (ESP8266) | 120 – 160 บาท | มี Wi-Fi ในตัว |
เซ็นเซอร์ความชื้นดินชนิด Capacitive | 40 – 60 บาท | ทนสนิมกว่ารุ่น Probe โลหะ |
สาย Dupont ตัวเมีย-ตัวเมีย | 10 บาท | ยาว 20 ซม. ก็พอ |
แหล่งจ่ายไฟ 5 V (Power Bank เก่า ๆ ก็ได้) | 0-200 บาท | ถ้าเอาไปไร่ใช้โซลาร์ 5 W ก็ไหว |
กล่องกันน้ำ IP65 เล็ก ๆ | 60 บาท | ป้องกันวงจรอัปปางช่วงฝนสาด |
งบไม่ถึง 300 บาท ก็เริ่มเล่นได้แล้ว!
3. ต่อสายยังไงไม่ให้งง
-
VCC เซ็นเซอร์ → 3V3 ของ NodeMCU
-
GND → GND
-
AO → A0 (ขา Analog เดียวของ ESP8266)
-
เสียบสาย USB-Micro เข้าคอมพร้อมกดแฟลชโค้ด
4. เตรียมซอฟต์แวร์
-
ติดตั้ง Arduino IDE เวอร์ชันล่าสุด
-
เพิ่มบอร์ด “ESP8266” ผ่าน Boards Manager
-
กด Tools → Board → NodeMCU 1.0 (ESP-12E Module)
-
ก๊อบโค้ดนี้ไปวาง (ย่อเพื่อไม่รกตา):
#include <ESP8266WiFi.h> #include <BlynkSimpleEsp8266.h> char auth[] = "TOKENจากApp"; char ssid[] = "ชื่อWiFi"; char pass[] = "รหัสผ่าน"; BlynkTimer timer; void sendSoil() { int raw = analogRead(A0); // 0=แห้ง 1023=เปียก float percent = map(raw, 1023, 0, 0, 100); //กลับทิศเพราะเซ็นเซอร์คว่ำ Blynk.virtualWrite(V0, percent); // ส่งขึ้นโทรศัพท์ } void setup() { Serial.begin(9600); Blynk.begin(auth, ssid, pass); timer.setInterval(30000L, sendSoil); // ส่งทุก 30 วิ } void loop() { Blynk.run(); timer.run(); }
กดอัปโหลด จบ!
5. เช็กค่าบนมือถือ
-
โหลดแอป Blynk IoT > สร้างวิดเจ็ต Gauge บน V0
-
จะเห็นกราฟความชื้นวิ่งตามจริง แปลงหน่วย % แล้วดูง่ายสุด
-
ตั้ง “Eventor” ให้ส่งแจ้งเตือน LINE เมื่อค่าต่ำกว่า 25 %
6. ขยับขั้นเป็นระบบรดน้ำอัตโนมัติ
-
ต่อรีเลย์ 5 V ที่ขา D1 ของ NodeMCU
-
รีเลย์สั่งปั๊มน้ำ DC หรือโซลินอยด์วาล์วได้สบาย ๆ
-
เพิ่มเงื่อนไขในโค้ด: ถ้าค่าความชื้นต่ำ → เปิดปั๊ม 2 นาที
-
อย่าลืมขนานไดโอดกับโหลดแบบดูดกลับ (flyback diode) กันสปาร์ก
7. เทคนิคกันพังกลางคัน
-
เคสกันน้ำ: ใช้กล่องอาหารพลาสติกหนา ๆ เจาะรูปลายสายก็ได้
-
เคลือบขั้วเซ็นเซอร์: ใช้กาวร้อนหรือซิลิโคนใสเคลือบท้ายบอร์ด
-
ปลอกหดกัน UV: ถ้าปักในสวนยาว ๆ แดดแรงมากช่วยยืดอายุสาย
8. คาลิเบรตให้แม่น
-
นำเซ็นเซอร์จุ่มถ้วยน้ำ – จดค่าบนซีเรียลมอนิเตอร์ = 100 %
-
เป่าลมแห้งสนิท – จดค่า = 0 %
-
เอาค่ามาปรับ map() ในโค้ด กลายเป็นเลขเที่ยงตรงเฉพาะสวนเรา
9. ประเมินต้นทุน-กำไร
รายการ | ค่าใช้จ่ายครั้งแรก | ประหยัดรายเดือน |
---|---|---|
ชุดเซ็นเซอร์ + NodeMCU | 300 บาท | 0 |
ปั๊มน้ำ DC 12 V + วาล์ว | 450 บาท | 0 |
ค่าน้ำลดลง ~20 % | 0 | ≈ 80 บาท/เดือน |
ไม่ถึง 10 เดือนก็คืนทุน แล้วยังได้ต้นไม้โตสม่ำเสมออีกต่างหาก
10. ต่อยอดระดับฟาร์ม
-
เปลี่ยนการส่งข้อมูลเป็น MQTT → Broker เดียว รับเซ็นเซอร์หลายจุด
-
ใช้ LoRa 32u4 ถ้าระยะไกลกว่า Wi-Fi
-
ปักเซ็นเซอร์หลายชั้นความลึก เห็นชั้นดินจริงจัง
-
ต่อ แผงโซลาร์ 10 W + แบต 18650 ชาร์จเอง ตัดปัญหาสายไฟ
11. คำถามยอดฮิต
Q | A |
---|---|
เซ็นเซอร์เปื่อยไหม? | ชนิด Capacitive อยู่ได้ 1-2 ปี ถ้าไม่จุ่มน้ำทั้งแท่ง |
ดินเค็มอ่านคลาดเคลื่อน? | ใช้กราฟเทียบแข็งแรง ใส่ตัวต้านแบ่งแรงดันช่วยกรองสัญญาณ |
Wi-Fi ไกลบ้าน? | ตั้ง Repeater หรือใช้เสาอากาศเชื่อมต่อระยะ 100 ม. ก็รอด |
12. สรุปสั้นก่อนลงมือ
“NodeMCU + เซ็นเซอร์วัดความชื้นดิน” คือจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของ Smart Farm ที่ไม่จำเป็นต้องง้อบอร์ดราคาแพงหรือโค้ดซับซ้อนเลย แค่เข้าใจหลักการ วางแผนสายไฟ และหมั่นคาลิเบรต เท่านี้คุณก็เช็กค่าดินผ่านมือถือ นอนตีพุงให้ระบบรดน้ำทำงานเองได้แล้ว ลุยเลย!